Q: ช่วยแนะนำตัวเองให้รู้จักกันหน่อยค่ะ
สวัสดีครับ พี่ชื่อ ฐปนันท์ รัตนเนตร ชื่อเล่นชื่อ ดิวครับ ตอนนี้ทำงานเป็น Investment Banker อยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย น่าที่หลักๆก็คือการให้คำแนะนำกับลูกค้าซึ่งเป็นบริษัททั้งในไทยและต่างชาติในการระดมทุนเพื่อมาลงทุนในโปรเจคต่างๆนะครับ โดยเป็นการระดมทุนผ่านการตั้งกองทรัสต์หรือการระดมทุนผ่าน balance sheet ของธนาคารต่างๆทั้งในไทยและต่างชาติ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทในการหาโอกาสในการ Merger & Acquisition
ก่อนมาทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย ก็เคยทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์กับ Toyota Motor Asia Paciffsic ดูแลตลาดในหลายประเทศใน Asean, Taiwan และ Pakistan
การศึกษาจบ MBA มาจาก Kellogg School of Management, Northwestern University, USA แล้วก็จบปริญญาตรีมากจาก Ritsumeikan APU,Japan ครับ รวมทั้งเป็นนักเรียนทุนของธนาคารกสิกรไทยครับ
(อันนี้เจ้าตัวเองไม่ยอมบอก…แต่เมื่อเร็วๆนี้ทางเราไปพบว่ามา ดิว “ฮอต” ขนาดเป็นหนึ่งในหนุ่ม Cleo Thailand ของปี 2017 ด้วย! ดูได้ที่นี่เลย )
Q: ทำยังไงถึงได้เข้าเรียนในมหาลัย Top ของอเมริกาอย่าง Kellogg School of Management
กว่าจะได้ไปเรียนก็ต้องผ่านศึกหนักเหมือนกันครับช่วงที่สมัครก็ต้องทั้งอ่านหนังสือสอบ GMAT แล้วก็ต้องทำงานไปด้วยเพื่อสั่งสมประสบการณ์ รวมถึงเขียนใบสมัครและเตรียมตัวสัมภาษณ์ ซึ่งต้องบอกว่าอยากมากโดยเฉพาะการเขียนบทความที่ดูน่าสนใจรวมถึงการตอบคำถามสัมภาษณ์ให้ผู้ฟังเห็นถึงความสามารถของเราจริงๆ
ช่วงที่ทำทุกอย่างตอนนั้นพี่กำลังทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ ช่วงนั้นพอเลิกงานก็ต้องข้ามถนนไปโรงเรียนสอน GMAT เพื่อไปเข้า session
หลังเลิกเรียนแต่ละวันกลับบ้านมาก็ต้องมานั่งเขียนใบสมัครต่างๆซึ่งไม่ใช่จุดแข็งของผมเลย แต่โชคดีที่มีคนช่วยติวเรื่องการเขียนและการพูดการสัมภาษณ์ทำให้ได้เห็นข้อที่ต้องพัฒนาของตัวเองและทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆซึ่งช่วยให้สามารถสมัครเข้า Kellogg ได้
Q: ได้ข่าวติดสอบ GMAT โหดมาก
คือเค้าให้ทุกคนมานั่งรวมกันในห้องเรียน มีทั้งคนอเมริกัน ยูโรป เอเชียทุกประเทศ แล้วเอาโจทย์ขึ้นมาแล้วให้แย่งกันตอบ ซึ่งตอนแรกๆก็ตอบไม่เคยทันเลย จนตอนหลังเริ่มตอบได้ทำได้ทำให้สอบได้คะแนนโอเค
Q: มีทิปอะไรให้กับคนที่อยากเข้า MBA ในมหาลัย Top ของอเมริกา
อยากฝากว่า…
- ควรจะเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆทำเกรดให้ดีตั้งแต่มหาวิทยาลัย
- พัฒนาภาษาอังกฤษไว้ซึ่งจะช่วยได้มากในการทำข้อสอบทั้ง TOEFL GMAT สัมภาษณ์และเขียนใบสมัคร
- หาความรู้รอบตัวไว้มาก
- รวมทั้งตั้งใจทำงานเพื่อหาประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดก่อนไปเรียน
Q: ชีวิตใน Kellogg มันดีจริงๆเหมือนที่ทุกคนอยากเข้าเรียนต่อมั๊ย
การเรียนที่ Kellogg ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในชีวิต ก่อนไปเรียนที่ Kellogg ก็ได้ยินชื่อเสียงของโรงเรียนว่าเป็น Program MBA อันดับต้นๆของอเมริกา และสิ่งที่มหาลัยให้ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเหมือนกัน สิ่งที่ดีที่สุด 3 อย่างที่ได้จาก Kellogg อาจจะเป็นประสบการณ์ใน
- Network กับคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ทำให้ได้เรียนรู้ถึง Mentality ของคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายทั้งการทำงานหนัก ความรับผิดชอบ ซึ่งมีส่วนให้พี่มี mentality ที่เปลี่ยนไป
- เรียนรู้จากบริษัทที่เป็นระดับ Top ของโลกในอเมริกา เรามีโอกาสเราในการไปพบกับบริษัทต่างๆ ที่โรงเรียนมี Connection หรือแม้แต่การเชิญ CEO COO หรือผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง Bank of America, Uber, LinkedIn, Google, Deliotte, Mckenzie Co เข้ามาพูดคุยกับนักเรียน ทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น มองเทรนของธุรกิจได้ดีขึ้นและ สามารถวางแผนอนาคตการทำงานได้ดีขึ้นด้วย
- การได้ใช้ชีวิตในสังคมเพื่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง มหาวิทยาลัยนั้นได้สร้างบรรยากาศให้เหมาะกับการเรียนรู้ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ผมได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 3 เดือน รวมทั้งการมี open door policy ของทางอาจารย์ซึ่งเป็น expert ของโลกในด้านที่เค้าทำ ทำให้มีโอกาสที่เราจะเข้าไปปรึกษาอาจารย์แต่ละคน 1 on 1 กับอาจารย์เพื่อต่อยอดความรู้หรือเพื่อวางแผนอนาคตรวมทั้งชีวิตของตัวเอง
Q: การอาศัยอยู่ต่างแดนของดิว…มันให้บทเรียนชีวิตอะไรกับเราบ้าง
การอาศัยอยู่คนเดียวบังคับให้พี่ต้องพึ่งตัวเอง ต้อง push ตัวเองเพราะเมื่อเราไม่ได้อยู่กับครอบครัวแล้ว มันก็ไม่มีใครมาบอกให้เราทำอะไรในทุกๆวัน รวมถึงไม่มีใครจะมาช่วยเหลือเราตอนที่ป่วย หรือในการจัดการกับชีวิตประจำวันต่างๆ
ประสบการณ์การอยู่คนเดียว ทำอะไรด้วยตนเอง มันทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราสามารถ survive ได้ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้การอยู่คนเดียวมันยังทำให้เรามีโอกาสหาความรู้ใหม่ๆ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆที่อยู่ในที่ๆเราอยู่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเพิ่ม network ของเราให้กว้างขวางขึ้น
Q: อยากบอกอะไรกับน้องๆที่ฝันอยากเรียนต่อต่างประเทศ…แต่คิดว่า “เราไปไม่ได้หรอก…เราไม่มีทุนทรัพย์”
อยากจะบอกว่า…ถ้าเรามีความสามารถจริงๆ ยังไงเราก็หาโอกาสและทุนทรัพย์ไปเรียนต่อได้แน่นอนไม่ว่าจากทุนที่มีอยู่มากมายจากทางมหาวิทยาลัย ทุนรัฐบาลในประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศไทย รวมถึงเงินเก็บที่เราสามารถเก็บได้เองจากการทำงานหรือกู้เงินไปเรียน
ถ้าเราพร้อมจะ sacrifice ความสบายหรือความสนุกบางอย่างไป ขอแค่ว่าเราตอบตัวเองให้ได้ว่า “เราอยากทำอย่างงั้นจริงๆ” เราสามารถจะทำมันได้แน่นอน
Q: มี quote อะไรที่อยากแชร์
Fear: False events appearing real ผมคิดว่าความกลัวเป็นสิ่งสำคัญที่ limit potential ของคนหลายๆคน รวมถึงลด productivity ของเราได้
ถ้าเราลบความกล้วออกไปจากใจได้ สังคมน่าจะสามารถ acheive อะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่มาก
Q: ช่วยแชร์หนังสือที่ทุกคนควรอ่าน 1 เล่ม
มีหนังสือหลายเล่มที่ผมชอบทั้งหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน อัตถชีวประวัติต่างๆ แต่ถ้าคิดถึงหนังสือ 1 เล่มที่สามารถ apply ได้กับชีวิตทุกคนคงจะเป็น 7 Habits of highly effective person เพราะคำสอนต่างๆในหนังสือนั้นผมคิดว่าสามารถนำมาใช้ได้จริง
จากประสบการณ์ของผมเองการทำได้แค่ไม่กี่ habit ในนั้น ก็สามารถช่วยเราให้ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น เลยคิดว่าเนื้อหาต่างๆนี้สามารถเปลี่ยนอนาคตเราได้เลยถ้าเราพร้อมจะทำมัน
Q: ฝากอะไรไว้กับน้องๆคนไทยที่อยากเจริญรอยตามดิว
ผมอยากจะแชร์ให้เราทุกคนลุกขึ้นมาตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ยก standard ของพวกเราขึ้นและไม่ยอมรับในความไม่สมบูรณ์ต่างๆ
จากประสบการณ์ที่ผมได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศ ผมได้เห็นความตั้งใจในการทำงานของคนทั้งหลายทั้งที่ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อเมริกา หรือแม้แต่นักเรียนในคลาส MBA ทำให้เห็นว่าความสมบูรณ์หลายๆอย่างในประเทศเหล่านั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากความตั้งใจของคนที่พยายามทำงานออกมาให้ดีที่สุดตาม standard ที่เค้าตั้งไว้
ผมคิดว่าถ้าเราทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง ยก standard ของตัวเองขึ้นทั้งในเรื่องของการทำงานของตัวเองให้ perfect ที่สุด แต่ละคนก็จะทำงานออกมาได้ดีขึ้น ความผิดพลาดน้อยลง ใช้เวลาได้เป็นประโยชน์ขึ้น Productivity ของบริษัท ของหน่วยราชการก็ดีขึ้น และนำไปสู้คุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน ซึ่งก็จะส่งผลดีโดยรวมกับประเทศชาติในทุกๆด้านต่อไป